Archive For The “Uncategorized” Category
เวลาที่คุณรู้สึกว่าดวงตาของคุณเมื่อยล้าเต็มที่ แต่ตอนนั้นยังไม่สามารถนอนพักผ่อนได้ ก็ให้คุณใช้วิธีต่อไปนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น นั่นคือการนำน้ำแข็งห่อผ้าแล้วประคบที่ดวงตาทั้งสองข้างประมาณ 10 นาที ก็จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาของคุณ และพร้อมต่อสู้กับงานได้อีกครั้ง แต่หากล้ามาก็นอนหลับพักผ่อนก็จะดีกว่า ฝืนต่อไปอาจจะยิ่งแย่ก็ได้
ลงรายละเอียดเยอะ ๆ เป็นใครก็ไม่พิสมัยที่จะโดนถามมาก ๆ เพราะนอกจากจะเป็นความรำคาญอันชวนหงุดหงิดแล้ว มาถามมาก ๆ มันก็หาใช่เรื่องของตัวไม่ การถามลงรายละเอียดเยอะจะทำให้ผู้ตอบงงเองแล้วก็จะหลุดความสับสนออกมาเป็นพิรุธจนความแตกเอง ตรวจสอบประวัติความจริงใจ ก็เหมือนการตรวจสอบประวัติอาชญากรนั่นแหละ ถ้าเคยมีประวัติการโกหกมานับครั้งไม่ถ้วน ก็แสดงว่าแนวโน้มว่าจะมีการโกหกอีกเป็นไปได้สูง แต่ถ้าไม่เคยเลย ก็มีแนวโน้มว่าคน ๆ นี้พูดปดไม่เป็น แต่ก็ต้องระวังว่าสำหรับบางคนแล้วที่ไม่เคยโกหกเลยก็เพราะโกหกได้เนียนเอามาก ๆ และไม่เคยถูกจับได้สักครั้ง ถามแหล่งข้อมูล บางทีวิจารณญาณของตัวเองอาจผิดเพี้ยนไปจากมาตรฐานความเป็นจริงของคนอื่นอยู่พอสมควร ควรเช็คกับคนอื่นก่อนว่าสิ่งที่คุณได้ยินได้ฟังมานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้และเชื่อได้หรือไม่ ถ้า 4 ใน 5 คนฟันธงว่าเป็นไม่ได้และมีแต่คุณคนเดียวที่เพ้อเจ้อคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้อยู่คนเดียว แสดงว่าวิจารณญาณของคุณเริ่มมีปัญหา หรือไม่คุณก็ออกแนวหูเบาเชื่อไปหมดทุกอย่างเลย และเรื่องที่ฟังเริ่มเชื่อไม่ได้แล้ว สังเกตถึงอาการลุกลี้ลุกลน อาการของคนโกหกที่แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดอีกอย่างหนึ่งก็คือแววตาอันเต็มไปด้วยความกังวลและสีหน้าอันส่อความไม่เป็นปกติ คนพูดไม่จริงจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นวัวสันหลังหวะที่เพียงแค่เราลองจ้องเขาด้วยสายตาที่ไม่ปกติ เขาก็จะรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ แล้วก็จะรู้สึกไม่เป็นปกติกับสายตาที่เราจ้องมองเขา ซักฟอกหลักฐานและพยาน ในบางกรณีเราอย่าได้สักแต่ฟังเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องแสดงความฉงนในความเป็นจริงของสิ่งที่เราฟังด้วย เช่น พยานคนนั้นมีตัวตนจริงและอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ หรือไม่ หรือหลักฐานจะเป็นหลักฐานที่สร้างขึ้นมาเพื่อการเท็จโดยเฉพาะ ดังนั้นการจะปักใจเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งใดนั้น ไม่ควรให้ความสำคัญว่าอยู่ที่พยานเยอะหรือหลักฐานแยะ แต่ควรอยู่ที่พยานและหลักฐานนั้นเป็นของจริงและเชื่อถือได้มากแค่ไหนมากกว่า แต่โดยทั่วไปแล้วคนเราไม่อยากโกหกหรือปิดบังความจริงกันหรอก เพราะพื้นที่สมองจะต้องมาเปลืองพื้นที่จำเรื่องไม่จริงอยู่ตลอดเวลา แถมยังต้องมาสับสนว่าเรื่องไหนเรื่องจริง เรื่องไหนเรื่องเท็จ เรื่องไหนโกหกไว้กับใครว่าอย่างไรบ้าง…
สำหรับผู้หญิงที่มีครอบครัว ปัญหาที่กลัดกลุ้มมากที่สุดก็คือปัญหาครอบครัว แฟนบางคนก็เจ้าชู้ บางคนก็ขี้เมา บางคนก็ขี้เกียจ บางคนก็ขี้บ่น บางคนก็เห็นแก่ตัว และอื่น ๆ อีกมากมาย ยากที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ผู้หญิงเราได้แต่หน้าชื่นอกตรม หัวอกกลัดหนองไม่รู้จะรักษาอย่างไร ไม่รู้จะปรึกษาใคร ยิ่งคนไหนมีลูก ๆ ที่ยังไม่โตแล้วล่ะก็ยิ่งเป็นเงื่อนไขให้ต้องทุกข์ระทมต่อไปอีกนาน คนที่ยังไม่เจอปัญหาก็บอกว่าไม่จริงหรอก แฟนรักจะตายไป ไม่มีวันที่เค้าจะทำให้เสียใจ หากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แสดงว่าชาติก่อนคุณทำบุญมามาก แต่ก็ต้องระวังการเดินทางยังอีกยาวไกล ผลบุญอาจหมดลงเมื่อไหร่ก็ได้อย่านิ่งนอนใจไป เพราะทุกอย่างในโลกนี้เปลี่ยนแปลงได้เสมอแม้แต่ตัวเราเอง ส่วนคนที่เจอปัญหาแล้วคงรู้ถึงรสชาติของความทุกข์ทรมานดี ทุกนาทีปัญหามันวนเวียนอยู่ในหัว ทุกครั้งที่คิดขึ้นมาน้ำตาก็พานจะไหลไปด้วยทุกครั้ง มันเจ็บปวดเหมือนมะเร็งระยะสุดท้าย แต่มันเจ็บปวดที่ข้างในหัวใจ ถ้าเป็นมะเร็งก็ยังดีซะกว่าเพราะรู้ว่าจะรักษาอย่างไร ตัดทิ้งไปแล้วอาการก็บรรเทาไป แต่มะเร็งหัวใจนี่ไม่มีใครจะรักษาได้นอกจากตัวเราเอง ผู้หญิงถูกสอนมาให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน เวลามีปัญหาก็ไม่ค่อยจะเถียงหรือแสดงความคิดเห็น เพราะเกรงจะทำให้เป็นปัญหามากขึ้นไปอีก ได้แต่เก็บความไม่สบายใจ ความไม่เห็นด้วย ความอึดอัดเอาไว้ในใจ และความกดดันต่าง ๆ ค่อย ๆ สะสมมากขึ้นทุกวัน จากหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นในตัวเอง สดใสร่าเริง กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้หงุดหงิด และหน้าตาหม่นหมอง แววตาไม่มีความสุข หากเรารู้ตัวเร็วและลงมือสางปมปัญหาโดยเร็ว แม้เราอาจจะต้องทุกข์ใจกับการเผชิญหน้า แต่ต้องบอกว่ามันก็ทำให้เราหลุดพ้นปัญหาและทำให้เรามีความสุขเร็วยิ่งขึ้น…
1. ใช้แปรงปัดมาสคาร่าชนิดเพิ่มความหนาขยี้ไปมาบริเวณโคนขนตาเพื่อทำให้ดูหนาขึ้น จากนั้นดึงแปรงปัดขึ้นตลอดความยาวของขนตา ส่วนปลายของแปรงปัดควรจะชี้เข้าไปทางหัวตา 2. ทำตามขั้นตอนที่ 1 กับดวงตาอีกข้างหนึ่ง แต่หันแปรงไปอีกทางหนึ่ง เพื่อให้ปลายแปรงปัดชี้ไปทางหัวตาอีกครั้ง 3. เสร็จแล้วเปลี่ยนมาใช้มาสคาร่าชนิดเพิ่มความยาว แล้วหลับตาข้างหนึ่ง ลูบแปรงลงบนส่วนปลายสุดของขนตา เพื่อให้มีสีคมชัดขึ้น ทำแบบเดียวกันกับดวงตาอีกข้างหนึ่ง 4. ถือแปรงปัดมาสคาร่าชนิดเพิ่มความยาวในแนวตั้ง แล้วลูบตัดไปตามปลายขนตา การปัดมาสคาร่าเพิ่มไปอีกรอบจะช่วยให้ขนตานั้นดูยาวขึ้น 5. ขั้นตอนสุดท้าย กด(ไม่ใช่ปัด) แปรงปัดเข้ากับเส้นขนตาล่าง เพื่อเพิ่มสีสันโดยไม่ทำให้ขนตายาวหรือดูยุ่งเหยิงเหมือนใยแมงมุม
การเก็บรักษาผ้ากันหนาวเป็นเรื่องยุ่งยากและมีน้อยคนนักที่จะทำได้ดี คนใจร้อนและไม่มีเวลามักจะใช้วิธียัดเสื้อผ้ากันหนาวทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางใส่ลูกเหม็นไว้หน่อยก็ถือว่าเสร้๗แล้วผลก็คือพอปีต่อมาผ้ากันหนาวจะยับยู่ยี่ขึ้นราและแถมยังมีกลิ่นลูกเหม็นติดแน่นซักอย่างไรก็ไม่หาย ด้วยความใจร้อนประกอบกับไม่มีเวลาว่างจึงต้องอดทนต่อราและกลิ่นหรือไม่ก็ต้องเสียเงินให้กับร้านซักรีดเป็นจำนวนไม่น้อย มีวิธีการเก็บรักษาผ้ากันหนาวแบบที่ประหยัดทั้งเวลาและเงินทองนั่นคือเอากระเป๋าเดินทางใบเดิมนั่นไปตากแดดเสียก่อนแล้วหยดน้ำยาฆ่าเชื้อลงไปเล็กน้อยแล้วค่อยทยอยเอาผ้ากันหนาวออกมาพับเก็บ โดยเอาตัวที่หนา ๆ ไว้ชั้นล่างส่วนตัวที่บางหน่อยไว้ชั้นบน เวลาพับอย่าพับจนเล็กเกินไปถ้าเป็นเสื้อก็เพียงแต่พับกลางตัวให้ชายเสื้อกับคอเสื้อซ้อนกันแล้วพับแขนเสื้อมาเก็บไว้แถวบริเวณคอเสื้อและต้องให้ข้างซ้ายกับข้างขวาสมดุลกันเพื่อว่าปีหน้าเวลาเอามาใส่แขนเสื้อจะได้ไม่ย้วยยานไปทางใดทางหนึ่ง ผ้าไหมผ้าแพรที่บางยับง่ายอาจจะสอดไว้ในผ้าไหมพรมแล้วค่อยพับไว้ด้วยกัน พับเสร็จเรียบร้อยดีแล้วอาจจะไม่ต้องใส่ลูกเหม็นแต่เอาเทปกาวมาปิดกระเป๋าให้ติดสนิทเพื่อกันแมลงและกันความชื้นด้วย เสื้อผ้าที่มีลูกปัดเลื่อมพรายปักไว้จะพับเก็บไว้ไม่ได้มีแต่ต้องแขวนไว้แต่อย่าแขวนติดกันแน่นเกินไป
ช่วงเทศกาลคงมีหลายคนคิดอยากหาโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศ ในช่วงเวลาดังกล่าวจะจัดกระเป๋าเดินทางอย่างไรดี ยิ่งง่ายเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น นี่เป็นคำพูดที่ใคร ๆ ก็พูดได้ แต่อย่างไรที่เรียกว่าง่ายล่ะ ก่อนอื่นควรหาซื้อกางเกงในแบบกระดาษเตรียมไว้ โดยกะจำนวนให้มากกว่าจำนวนวันที่เดินทางเพราะบางครั้งกางเกงในอาจจะขาดเสียก่อน และควรเลือกซื้อแบบของผู้ชายเพราะจะค่อนข้างหนาและขนาดก็ใหญ่ดีด้วย ทั้งนี้เพราะกระดาษไม่มีความยืดหยุ่นจึงต้องระวังเรื่องขนาดให้ดี เอาเสื้อผ้าที่ดีที่สุดไปด้วย อย่าคิดว่าไหน ๆ ก็ไม่ได้ไปทำงานแล้วไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องหน้าตา หากแต่งตัวเหมือนเด็กรับใช้นอกจากจะทำให้คนอื่นเมินแล้วยังทำให้ต้องเสียหน้าเสียตาคนในชาติด้วย ยิ่งหากมีการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยแล้วภาพนี้ก็จะเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยโพนทนาต่อ ๆ ไปถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลานทีเดียว หากแต่งตัวให้ดูดีสักหน่อยก็เหมือนว่ารูปที่ถ่ายออกมาจะดูดีหน่อย เลือกเสื้อผ้าที่มีสีคล้าย ๆ กันถึงจะหลับหูหลับตาใส่เข้าไปก็ยังเข้ากันได้แต่ไม่ควรเอาสีขาวหรือสีดำไปด้วยเพราะทั้งสองสีจะเห็นรอยเปื้อนได้ง่ายที่สุด การเดินทางในฤดูหนาวไม่ควรเอาเสื้อขนกระต่ายติดตัวไปด้วย เพราะขนกระต่ายหลุดง่ายจนอาจทำให้กระเป๋าเต็มไปด้วยขนกระต่าย พยายามเลือกเสื้อผ้าที่หลวม ๆ สวมใส่สบายเสื้อผ้าที่รัดรูปเน้นทรวดทรงจะไม่สะดวกในการเดินทาง อีกอย่างหนึ่งเวลากินอิ่มหมีพีมันแล้วหนังหน้าท้องก็จะตึงจนทำให้รูปร่างเปลี่ยนไปได้ ถ้าหากต้องซักผ้าเองแล้วละก็ควรเอาผ้าที่บิดแล้วมาวางบนผ้าขนหนูที่ทางโรงแรมจัดให้แล้วบิดซ้ำอีกหนหนึ่งจะช่วยทำให้ผ้าแห้งง่ายขึ้น หากเอาเสื้อผ้าไปได้น้อยก็พยายามเอาไปแต่น้อยเพียงแต่เปลี่ยนเข็มขัดผ้าพันคอก็ใช้ได้ อย่าลืมเอาเสื้อผ้าที่ทันสมัยที่สุดที่คุณชอบที่สุดไปด้วยจะทำให้การเดินทางของคุณยิ่งมีความหมายมากขึ้น
รองเท้าส้นสูงกับผู้หญิงเราเป็นของคู่กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ มีเคล็ดลับดี ๆ ให้ลองทำกันดูดังนี้ วิธีที่ 1 – ยืนตรงพิงกำแพง ไขว้ขาขวาทับขาซ้าย ใช้มือซ้ายดึงข้อเท้าขวาขึ้น มือขวากดเข่าขวา หายใจเข้าลึก ๆ พร้อมยืดหลังให้ตรงที่สุด – หายใจออกช้า ๆ พร้อมพร้อมหย่อนเข่าซ้าย ขณะเดียวกันมือขวากดเข่าขวาลง มือซ้ายออกแรงดึงข้อเท้าเท่าที่ทำได้ หายใจเข้าพร้อมยืดขาซ้ายขึ้นตรง ค่อย ๆ ผ่อนมือทั้งสองข้าง จากนั้นไขว้ขาซ้ายทับขาขวา ใช้มือขวาดึงข้อเท้าซ้ายขึ้น มือซ้ายกดเข่าซ้าย ทำเช่นเดียวกันจนจบข้อที่ 2 วิธีที่ 2 – นั่งพับขา แยกปลายเท้าออกให้ก้นติดพื้น มือจับฝ่าเท้าทั้งสองข้าง หันหัวแม่มือไปทางส้นเท้าและกดลงเบา ๆ เหยียดแขนให้ตรง หายใจเข้าและออกช้า ๆ พร้อมเอนตัวไปด้านหลัง ค้างไว้นับ 1-10 ค่อยคืนตัวกลับท่าเริ่มต้น
การแต่งตัวให้แลดูมีรสนิยมนอกจากจะต้องใช้เงินแล้วยังต้องมีรูปร่างดีและที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องมีเวลาเพียงพอ ถึงคุณจะมีเสื้อผ้าทันสมัยอย่างดีราคาแพงเป็นสิบ ๆ ตัวแต่ว่าทุกครั้งที่จะออกนอกบ้านคุณมีเวลาแต่งตัวเพียงสิบห้านาที ในสิบห้านาทีนี้ยังต้องแต่งหน้าหวีผมใส่ถุงน่องหาเสื้อผ้าเลือกรองเท้ากระเป๋าที่เข้ากัน ถามจริง ๆ เถอะอย่างนี้จะแต่งตัวให้ดูเด่นได้อย่างไรกัน การแต่งตัวที่ดูดีต้องอาศัยความประณีตบรรจง ถ้าหากว่าก่อนจะออกจากบ้านไปทำงานคุณต้องเร่งรีบฉุกละหุกแล้วละก็ ลองตระเตรียมของไว้ก่อนตามคำแนะนำต่อไปนี้สิคะ ก่อนอื่นเวลาจะซื้อผ้าก็ต้องเลือกสีกลาง ๆ อย่างสีกาแฟสีครีมหรือสีขาวกับสีดำ ซึ่งสามารถใส่กับสีอื่นได้อีกมาก แต่ถ้าหากเป็นสีกลางเสียทั้งหมดก็จะทำให้น่าอึดอัดอาจจะลองเติมเสื้อเชิ้ตสีแดงหรือสีน้ำเงินจะทำให้แลดูสดใสและเข้ากันได้ พยายามหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดรูป เสื้อผ้ารัดรูปจะทำให้ต้องวิตกกังวลอย่างเช่นบางทีใส่เข้าไปแล้วถึงได้รู้ว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมีพุงยื่นออกมาจะถอดออกเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ก็เสียเวลาแต่เมื่อใส่ออกไปนอกบ้านก็อึดอัดทั้งวันอย่างนี้หาเสื้อผ้าที่ค่อนข้างหลวมมาใส่จะดีกว่าเป็นการขจัดความวิตกกังวลอีกทั้งช่วยประหยัดเวลาและสะดวกด้วย รองเท้ากระเป๋าถือทางที่ดีควรเลือกสีเทาหรือสีดำ ซึ่งจะเข้ากับสีอื่นได้เกือบหมดจะได้ไม่ต้องปวดหัวกับการจัดให้เข้ากัน กระเป๋าถือเลือกใบใหญ่หน่อยและไม่จำเป็นต้องจัดกระเป๋าทุกวัน เครื่องประดับก็เลือกของที่ทำอย่างประณีตกระจุ๋มกระจิ๋มเพื่อจะได้ใส่ให้ดูเป็นผู้หญิง ๆ พร้อมกันนั้นก็เตรียมแบบที่หรูดูทันสมัยหน่อยอีกสักคู่เพื่อจะได้เอาไว้ใส่กับเวลาแต่งตัวเปรี้ยว ส่วนสีสันควรเลือกสีทองเป็นหลัก
ถึงไม่มีหมอนวดประจำตัว คุณก็ดูแลตัวเองได้ ด้วยวิธีนวดแบบที่หมอนวดมืออาชีพยังต้องยกนิ้วว่าเริ่ดจริง ๆ นวดลดความเครียด – ทาน้ำมันหอมกลิ่นที่ชอบลงบนฝ่ามือ นวดด้วยสองมือสลับกัน เริ่มลูบไล้จากไหล่ผ่านไปหน้าอก ข้ามไปถึงไหล่อีกข้าง ทำข้างละ 5 ครั้ง (ถ้าใช้น้ำมันกลิ่นลาเวนเดอร์จะช่วยคลายเครียดได้เร็วยิ่งขึ้น) – ใช้ปลายนิ้วกดลงไปบนจุดที่เรียกว่า “จุดปล่อยวาง” ที่อยู่ด้านนอกของไหปลาร้า เหนือขึ้นไปจากใต้รักแร้ กดค้างไว้ 1 นาทีแล้วปล่อย ทำที่ไหล่ทั้งสองข้าง – หลับตาสูดลมหายใจเข้า-ออกลึก ๆ หยุดความคิดทุกอย่างเป็นเวลา 3 นาที นวดลดไมเกรน คลำไปที่ด้านหลังคอบริเวณใต้ฐานกระโหลก จะพบกระดูกที่เชื่อมต่อไปถึงกระดูกสันหลัง ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปที่จุดสองจุดที่อยู่ขนาบข้างกระดูกนี้ กดค้างไว้อย่างน้อย 1 นาที จุดนี้เรียกว่า “ประตูแห่งการรับรู้” ถ้ากดให้เลือดลมแล่นสะดวกเป็นประจำทุกวัน ไม่ใช่แต่จะช่วยแก้ไมเกรน ยังจะบรรเทาโรคไซนัส ปวดตึงต้นคอและอาการล้าของดวงตาได้ด้วย สาวออฟฟิศที่ต้องใช้สายตากับคอมพิวเตอร์ทั้งวันไม่ควรพลาด นวดบรรเทาความเหนื่อยล้า วางนิ้วหัวแม่มือสองนิ้วลงไปที่ด้านบนสุดของไหล่ ตรงปลายสุดของไหปลาร้าทั้งสองข้าง กดน้ำหนักลงไปที่นิ้ว ค้างไว้ 1 นาที ทำเมื่อมีอาการเครียด หรือ 2-3 ครั้งต่อวัน เพื่อผ่อนคลายอาการตึงของกล้ามเนื้อไหล่…
การเก็บอาหารสดในตู้เย็นถ้าเราเก็บได้ถูกวิธีแล้วอาหารสดนั้นจะคงรสชาติและความสดได้นาน ซึ่งการเก็บเนื้อสัตว์และผักสดย่อมไม่เหมือนกัน ถ้าสังเกตจะเห็นว่าในตู้เย็นนั้นเราจะแบ่งเป็นช่องแช่เย็นแยกประเภทเนื้อสัตว์และผักไปเลย แต่ก็ใช่จะจัด ๆ เก็บ ๆ ใส่ในของที่จัดไว้นั้นได้เลย ของอย่างนี้ต้องมีเทคนิค อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์ที่ซื้อมาจากตลาดไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ไก่ ปลา เมื่อมาถึงครัวแล้วยังไม่ประกอบอาหารทันทีให้ใช้แผ่นพลาสติกใสบาง ๆ ห่อเนื้อสัตว์เหล่านี้แล้วเก็บในช่องแช่เย็นทันทีโดยไม่ต้องล้าง ซึ่งตู้เย็นในสมัยนี้ได้แบ่งช่องแช่เนื้อสัตว์ออกเป็นช่องซิลเลอร์และช่องฟรีซเซอร์ ถ้าเนื้อสัตว์ที่ซื้อมาคาดว่าจะใช้หมดภายในสองถึงสามวันเราก็นำเข้าแช่ในช่องซิลเลอร์ ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 0°- -3°C แต่ถ้าต้องการเก็บเป็นอาทิตย์ขึ้นไปก็ให้เก็บในช่องฟรีซเซอร์ ซึ่งจะมีอุณหภูมิประมาณ -18° แต่สำหรับตู้เย็นพิเศษบางรุ่นจะทำอุณหภูมิช่องฟรีซเซอร์ได้ถึง -43° ถึง 55°C ซึ่งเนื้อสัตว์ที่เก็บในช่องนี้น้ำภายในเนื้อสัตว์จะอยู่ในสภาพผลึกน้ำแข็งเล็ก ๆ เมื่อเรานำเนื้อเข้าแช่ให้รีบปรับอุณหภูมิให้ลดลงต่ำโดยเร็ว วิธีนี้จะทำให้น้ำในเนื้อสัตว์ไม่ไหลซึมออกมาทำให้เสียรส ดังนั้นตู้เย็นที่สามารถปรับอุณหภูมิของฟรีซเซอร์ ให้ลดต่ำได้อย่างรวดเร็ว จึงมีประโยชน์ตรงจุดนี้ แต่เมื่อเรานำเนื้อสัตว์ออกมาใช้จากช่องแช่แข็งให้รีบแบ่งส่วนที่ต้องการใช้ออกมาโดยเร็ว ส่วนที่เหลือก็เข้าช่องแช่ แต่เนื้อที่เคยแช่แข็งแล้วนำมาวางไว้จนเท่ากับอุณหภูมิห้อง ไม่ควรนำไปแช่แข็งอีกเพราะจะเก็บไว้ไม่ได้นาน ส่วนการทำความสะอาดเนื้อสัตว์ที่นำออกมาจากซองแช่ก็ปล่อยให้เนื้อมีอุณหภูมิเท่ากับห้องแล้วใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ด ไม่ควรใช้น้ำล้างเพราะคุณค่าอาหารที่ผิวเนื้อสัตว์จะเสียไปกับน้ำ แต่ถ้าบางคนไม่มั่นใจก็ใช้น้ำล้างแล้วใช้ผ้าสะอาดซับน้ำให้แห้งโดยเร็ว แต่บางท่านใจร้อนเนื้อที่แช่แข็งต้องการจะให้ผลึกน้ำแข็งละลายเร็ว ๆ จึงใช้น้ำร้อนราดบนก้อนเนื้อวิธีนี้ไม่ควรใช้ ให้เปิดก๊อกน้ำเย็นผ่านเนื้อสัตว์แต่แน่นอนว่าคุณค่าอาหารย่อมเสียไปบ้าง ส่วนอาหารทะเลที่มีขนาดเล็ก ๆ เช่น กุ้ง ปลาหมึก หอย ให้ใส่กล่องพลาสติกแช่ในช่องแข็ง ส่วนการเก็บผักสดนั้นภายในตู้เย็นจะมีช่องสำหรับแช่ผักโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีอุณหภูมิประมาณ…