Author Archive
จากการประมวลคำแนะนำด้านสุขภาพจิตที่ศูนย์บริการสุขภาพ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน บอกว่า มีบุคคล 4 กลุ่มที่เป็นเพื่อนคุยที่ดี ซึ่งหากเรามีความเครียดก็ควรเลือกที่จะปรึกษาใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนี้ 1. ครอบครัวของเรา เนื่องจากรู้จักตัวเราดีที่สุด และไม่ว่าจะพบเจอปัญหาหนักแค่ไหน ครอบครัวก็ยังอยู่ที่เดิมเพื่อรอคอยการกลับมาของเราเสมอ 2. เพื่อนสนิท ซึ่งมักรู้จักตัวเราดีเช่นกัน และกล้าที่จะบอกข้อดีข้อเสียของเราเพื่อให้เราปรับปรุงตัวและแก้ปัญหาให้ดีขึ้น 3. คนที่มีประสบการณ์หรือประสบปัญหาคล้ายๆกับเรา เนื่องจากคนเหล่านี้จะเข้าใจ ความหนักหนาสาหัสของเรา ได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยประสบเรื่องแบบเดียวกันมา (แต่ต้องไม่ซ้ำเติมกัน) 4. จิตแพทย์ เพราะมีความรู้เฉพาะด้านที่จะช่วยแก้ปัญหาให้เราอย่างเป็นระบบได้
1. สภาพภายนอกตู้ต้องสะอาด ไม่มีฝุ่น หรือคราบใดๆ 2. ตัวตู้ต้องทำจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน 3. ไม่ผุกร่อน หรือเป็นสนิม 4. ตั้งอยู่ในที่ที่ถูกสุขอนามัย เช่น อยู่ห่างจากถังขยะหรือถนนใหญ่ 5. หัวจ่ายน้ำต้องทำจากสเตนเลสอย่างดี ไม่ใช่ท่อพลาสติกหรือสายยาง 6. ช่องรับน้ำและหัวจ่ายต้องไม่มีตะไคร่ห่ือคราบสกปรกจับ 7. ส่วนบรรจุน้ำในตู้ต้องมีฝาปิดมิดชิด 8. มีสติ๊กเกอร์รับรองการตรวจสอบที่ได้มาตรฐาน ที่น่าเชื่อถือ ระบุชื่อผู้ตรวจ ชื่อบริษัทและวันเวลาในการตรวจ พร้อมทั้งวันเวลาในการเปลี่ยนไส้กรองน้ำ อย่างน้อยทุก 3 เดือน อย่างชัดเจน
เรามาดูวิธีการทายใจคนจากการใช้โทรศัพท์กันครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าบทความจิตวิทยานี้จะเก่าแล้ว คือ เป็นการทายใจในกรณีใช้โทรศัพท์บ้าน ที่มีสาย แต่คาดว่าบางส่วนก็นำมาประยุกต์ดูกับโทรศัพท์มือถือได้ จับด้านบน ผู้ที่ชอบจับหูโทรศัพท์บริเวณด้านบน เป็นคนอ่อนไหวง่าย เจ้าอารมณ์ ขี้งอน แต่จิตใจดีมีเมตตา เอื้ออารีต่อคนรอบข้างเสมอ จับด้านล่าง ผู้ที่ชอบจับหูโทรศัพท์บริเวณด้านล่าง เป็นคนมุ่งมั่น กระตือรือร้น ทะเยอทะยาน มั่นใจในตนเองสูง หลงตัวเอง กล้าคิดกล้าตัดสินใจ จับสองมือ คนที่มักจับโทรศัพท์สองมือ เป็นคนที่มีจิตใจโลเลหวั่นไหวง่าย ตื่นกลัวง่าย ขาดความมั่นใตในตัวเอง ชอบเล่นสายโทรศัพท์ คนที่ขณะคุยโทรศัพท์มักจะติดนิสัยใช้มือเล่นสายโทรศัพท์ไปด้วยเกือบตลอดเวลา เป็นคนช่างคิดช่างฝัน มักอ่อนไหวสะเทือนใจง่าย เป็นคนมีน้ำใจไมตรี แต่ไม่ชอบเปิดเผยตัวเองให้ใครรู้จักมากมายนัก มักแสดงออกอย่างอ่อนโยน แต่ก็เจ้าอารมณ์ ขี้บ่น ขี้หึงและคิดมาก ถือหูโทรศัพท์ออกห่าง ท่าทีพูดคุยโทรศัพท์โดยยกหูโทรศัพท์ออกห่างจากหูของตนค่อนข้างมาก เป็นท่าทีที่บ่งบอกถึงผู้มีนิสัยใจคอเอาจริงเอาจัง เจ้าระเบียบ ละเอียดถี่ถ้วน มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีความรับผิดชอบสูงและมีคุรสมบัติของผู้นำที่ดีหลายประการ
ต่อไปนี้คือวิธีการอ่านนิสัยคนจากการตอบสนองเมื่อได้รับคำชม ว่าแสดงออกมาอย่างไร 1. รับคำชม กล่าวขอบคุณ อย่างสุภาพ เมื่อถูกชมแล้วกล่าวขอบคุณ หรือรับคำชมอย่างสุภาพ ลักษณะนี้เป็นนิสัยของคนซื่อตรง ไม่มีจริตมารยาหรือเล่ห์เหลี่ยมใดๆ มีอารมณ์มั่นคง เข้มแข็ง 2. โต้ตอบ เมื่อเอ่ยชมผู้ใดแล้วคนนั้นตอบโต้กลับมา เช่น หยอกเย้าว่า พูดถูกใจจัง หรือถามว่าจริงหรือเปล่า ลักษณะนิสัยนี้เป็นของคนอารมณ์ดี ขี้เล่น มีน้ำใจไมตรี ไม่ถือตัว ช่างพูดช่างเจรจา 3. เห็นด้วย ถ้าถูกชมแล้วผู้ใดแสดงความเห็นด้วยกับคำชมนั้น เช่น ถ้าชมว่าชุดสวยแล้วคนผู้นั้นบอกว่าแน่ละ เพราะออกแบบเองหรือตัดเย็บเอง แสดงว่าเขาเป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง มีอารมณ์ขัน ใฝ่รู้ และทะเยอทะยานสูง
วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้แพทย์ทราบข้อมูลต่างๆที่จำเป็นต่อการวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ หรืออาการง่วงผิดปกติในช่วงกลางวัน คือ การตรวจสภาพการนอนหลับในห้องปฏิบัติการการนอนหลับ ซึ่งจะทำให้ทราบถึงความผิดปกติ ในหลายกรณี เช่น อาการผิดปกติที่เกิดร่วมกับการหยุดหายใจขณะนอนหลับ โดยเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการจะติดเครื่องมือเฝ้าสังเกตการหายใจ การทำงานของหัวใจและคลื่นสมอง ตลอดจนการเครื่องไหวของลูกตาเพื่อประกอบการวินิจฉัยและรักษาต่อไป ห้องปฏิบัติการการนอนหลับ ยังเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย และมีบริการในโรงพยาบาลของรัฐบางแห่งเท่านั้น เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯ , โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ , โรงพยาบาลศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลเทพธารินทร์ โรงพยาบาลพร้อมมิตร และโรงพยาบาลวิชัยยุทธ
1. กินอาหารอ่อน หลีกเลี่ยงอาหารแข็งและกรอบ เพราะการเคี้ยวอาหารแรงๆจะทำให้สะเทือนดวงตาข้างที่ผ่าตัดได้ 2. กินผักผลไม้และดื่มน้ำมากๆเพื่อป้องกันอาการท้องผูก เนื่องจากการแบ่งถ่ายอุจจาระส่งผลให้ความดันในลูกตาเพิ่มสูงขึ้น ซึงเป็นผลเสียต่อแผลผ่าตัด 3. ไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย เพราะจะทำให้ดวงตามีโแกาสติดเชื้อได้ 4. เวลาอาบน้ำให้ระมัดระวังน้ำเข้าตา หลังการผ่าตัดวันแรกๆ ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าแทนการล้างหน้า 5. ถ้าผู้ป่วยรู้สึกคันตาเนื่องจากรอยไหมเย็บให้กระพริบตาบ่อยๆ แต่ไม่ควรใช้มือขยี้ 6. เวลานอนควรใช้ฝาครอบตา 7. ควรหยอดยาและกินยาตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด 8. หากพบอาการผิดปกติหลังผ่าตัด เช่น ปวดตามาก ตาแดงมาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
เจ้าของตู้เย็นควรที่จะอ่านคู่มือการใช้งานตู้เย็นที่ผู้ผลิตมีให้เสียก่อนที่จะใช้งาน และต้องดูแลสิ่งต่อไปนี้ 1. ประตูต้องปิดสนิท อย่าเปิดประตูตูเย็นบ่อยๆโดยไม่จำเป็น 2. สิ่งที่เป็นน้ำต้องเก็บในภาชนะที่มีฝาปิด 3 . ทำให้อาหารเย็นก่อนเก็บเข้าตู้เย็น 4. ปรับอุณหภูมิให้ถูกต้องกับการเก็บสิ่งของในตู้เย็น 5. การละลายน้ำแข็งจากช่องแช่แข็งต้องไม่ใช้เครื่องมือใดๆงัดน้ำแข็ง 6. ล้างตู้เย็นให้ถูกวิธีทั้งภายในและภายนอกตู้ ตลอดจนถาดน้ำแข็งและตะแกรง 7. หากย้ายตู้ไปไกล ควรยึดหรือขันสกรูให้ฐานคอนเดนซิ่งยูนิตติดกับฐานตู้ 8. ไม่ควรเปิดประตู้ตู้เย็นทิ้งไว้นานๆ 9. ควรรักษาความสะอาดทั้งภายในและภายนอกตู้เย็น 10. อย่าให้ยางรองขอบประตูตู้เย็นชำรุด
เบาะที่นอนที่ใช้งานมานานจะคอยบั่นทอนสุขภาพหลังของคุณ เพราะโครงสร้างที่เสื่อมประสิทธิภาพในการรองรับน้ำหนัก เป็นต้นตอที่สำคัญของโรคปวดหลัง หนำซ้ำยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถ้าคุณยังนอนต่อไปเพราะความเคยชิน ก็จะทำให้สุขภาพการนอนของคุณค่อยๆเสื่อมลง ลองตอบคำถามเหล่านี้เพื่อสำรวจว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณควรเปลี่ยนเบาะที่นอนของคุณ 1. ผ่านการใช้งานมาร่วม 10 ปี แล้วหรือเปล่า? 2. มีรอยคราบเปื้อน รอยด่างหรือรอยฉีกขาดหรือไม่? 3.พื้นผิวที่นอนดูไม่เรียบสม่ำเสมอ มีการยุบตัวเป็นแอ่งบริเวณที่คุณนอน หรือขอบเตียงหรือไม่? 4. ฐานรองที่นอนของคุณดูไม่ราบเรียบหรือยุบเป็นแอ่งหรือไม่ ? 5. คุณรู้สึกอายหรือไม่ ที่จะโชว์ที่นอนของคุณให้แก่เพื่อนบ้านโดยไม่มีอะไรคลุม ? 6. ที่นอนของคุณนอนสบายแค่บางท่า หรือเฉพาะบางจุดที่คุณนอนหรือไม่ ? 7. มีเสียงดังจากที่นอน ขณะที่คุณพลิกตัวไปมาหรือไม่ ? 8. เมื่อคุณหมุนตัวไปมาที่นอนมีการโคลงเคลงหรือโยกไปด้านหนึ่ง ด้านใดหรือไม่ ? 9. คุณกับคนที่นอนด้วยกลิ้งเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่ ? 10. คุณต้องแย่งพื้นที่ส่วนที่นอนส่วนที่สบายที่สุดกับคนที่คุณนอนด้วยหรือไม่ ? หากคำตอบคือใช่ มากกว่า 8 ข้อ นั่นหมายความว่าถึงเวลาแล้วที่คุณควรกำจัดที่นอนเก่าของคุณ แล้วหันมาเลือกที่นอนใหม่ที่มีคุรภาพและถูกสุขลักษณะ มีโครงสร้างที่แข็งแรง และยิ่งสามารถป้องกันไรฝุ่นได้ก็ยิ่งดี
1. นำมะกรูดมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วผ่าเอาเมล็ดออก หั่นทั้งเปลือกให้เป็นชิ้นๆ 2. ต้มกับน้ำในอัตราส่วน ของเนื้อมะกรูดกับน้ำเท่ากับ 1:1 พอเดือดแล้วหรี่ไฟลง ต้มต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง 3. ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงนำไปปั่นด้วยเครื่องปั่น จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง เนื่องจากน้ำมะกรูดกับเนื้อมะกรูดจะข้น ต้องบีบน้ำให้ออกจากเนื้อ 4. นำน้ำมะกรูดที่คั้นกรองแล้ว เคี่ยวไฟอ่อนๆ กวนไปเรื่อยๆ พอให้เดือดเป็นฟองปุดๆ แล้วจึงพอ 5. ทิ้งไว้ให้เย็น นำไปบรรจุภาชนะได้
เป็นที่ทราบกันดีว่าผักที่มีขายในท้องตลาดนั้น ยังเป็นผักที่มีสารเคมีตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก แม้แต่ผักที่ระบุว่าเป็นผักปลอดสารพิษ ก็ยังตรวจพบการตกค้างของสารเคมีอยู่ เนื่องจากเกษตกรหรือผู้ผลิตผักบางรายยังไม่มีมาตรฐานที่ดี หรือบางรายก็แอบอ้างว่าผักที่จำหน่ายปลอดสารพิษเพื่อต้องการได้ผลกำไรที่มากขึ้น ดังนั้นในฐานะผู้บริโภคก็ควรทราบถึงทางเลือกในการกินผักอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากสารเคมีในผัก โยมีวิธีง่ายๆดังนี้ 1. อย่ากินผักซ้ำซากและควรกินผักตามฤดูกาล โดยเฉพาะผักจีน การกินผักน้อยชนิดบ่อยๆอย่างต่อเนื่องจะทำให้มีโอกาสรับสารเคมีจากผักชนิดนั้นมากขึ้น เพราะถ้ารับประทานผักที่ไม่อยู่ในฤดูกาลของมัน การปลูกผักชนิดนั้นก็มีโอากาสที่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงมากขึ้น 2. หันไปรับประทานผักพื้นบ้าน ผักพื้นบ้านของไทยมีหลายร้อยชนิด แต้ละชนิดมีรสชาติอร่อยและคุณค่าสูง มีสรรพคุณเป็นยาป้องกันและรักษาโรค ที่สำคัญผักพื้นบ้านปลูกง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน จึงไม่ต้องพึ่งพิงสารเคมีในการปลูก 3. ล้างผักลดสารพิษ การให้ความใส่ใจในการล้งผักที่ซื้อมาจากคลาด หรือซุปเปอร์มาเก็ต จะช่วยลดสารพิษที่ปนเปื้อนไปได้มาก แม้แต่ผักปลอดสารพิษ หากไม่มั่นใจก็ควรล้างผักก่อนนำไปปรุงอาหารและีับประทานทุกครั้ง 4. เลือกซื้อผักปลอดภัยที่มีการรับรอง ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกซื้อผักปลอดสารพิษที่มีการรับรองจากราชการ เช่น กรมวิชาการการเกษตร หรือกรมส่งเสริมการเกษตร 5. ปลูกผักกินเอง มีวิธีการมากมายที่จะปลูกผักกินเอง แม้แต่คนที่อยู่ในเมือง ในพื้นทีาจำกัดก็ทำได้ไม่ยาก เช่น ปลูกผักในกระถาง ผักลอยฟ้า ปลูกผักริ้มรั้ว ปลูกผักสวนครัว