หลายคนอาจเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการเลือกทานวิตามิน วิตามินใด ปริมาณแค่ไหน จึงจะเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะความต้องการของผู้หญิงที่มีความแตกต่างในแต่ละช่วงวัย กิจกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันก็มีส่วนสำคัญในการเลือกทานวิตามินที่เหมาะสม และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เพราะช่วงวัยที่แตกต่าง ร่างกายของผู้หญิงจึงต้องการสารอาหารที่แตกต่าง สารอาหารส่วนใหญ่ที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน มาจากอาหารที่เลือกรับประทาน ซึ่งจะเพียงพอหรือ อาจเป็นสิ่งยากที่จะวัดเพราะขึ้นอยู่กับทางเลือกและความชอบส่วนตัว ส่วนใหญ่จึงเลือกทานวิตามินเสริม โดยยึดหลัก “เกินดีกว่าขาด” ทั้งที่ความเป็นจริงการกินวิตามินในรูปของเม็ดยานั้น หากไม่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ อาจทำให้ได้รับวิตามินมากเกินความต้องการของร่างกาย และเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
ฉะนั้นก่อนจะพิจารณาเลือกวิตามินที่เหมาะสมให้กับร่างกาย การรับทราบถึงความจำเป็นบวกกับกิจกรรมและไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วงวัย จึงเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญต่อการเลือกทานวิตามินเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
สาววัย 20
สาววัย 20-29 ปี เป็นช่วงวัยที่ยังอยู่ในวัยเรียนและวัยเริ่มต้นทำงาน ที่ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อรับมือกับงานและกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อใดที่รู้สึกว่าร่างกายไม่เต็มร้อยเหมือนเก่า คุณอาจเติมความฟิตด้วยอาหารเสริมเหล่านี้
วิตามินซี(Vitamin C) มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เพราะไม่ใช่แค่เพียงป้องกันการเกิดหวัด แต่ยังช่วยขจัดอนุมูลอิสระที่อาจก่อให้เกิดโรคหลายชนิด นอกจากนั้นวิตามินซียังมีส่วนสำคัญในการช่วยดูดซึมธาตุเหล็กและการทำงานของระบบประสาท และยังช่วยในการสร้างคอลลาเจน
เกรฟซีด(Grape Seed) เต็มไปด้วยวิตามินสำคัญ ๆ ทั้งวิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยในการมองเห็น และมีบทบาทต่อการสร้างเซลล์ใหม่ วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระเสริมสร้างภูมิต้านทานและบำรุงผิวพรรณ และวิตามินอี ช่วยเสริมการทำงานของวิตามินเอและซี และปกป้องผิวจากรอยแผลและผิวอักเสบต่าง ๆ นอกจากนั้นสารสกัดจากเมล็ดองุ่นยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ
แคลเซียม(Calcium) เมื่ออายุ 25 แคลเซียมในร่างกายจะเริ่มเสื่อมลง การเสริมแคลเซียมจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม แคลเซียมยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ลิ่มเลือดจับตัวได้ดีขึ้น พร้อมกับช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อและการเต้นของหัวใจและถ้าจะให้ดีควรทานแคลเซียมควบคู่กับวิตามินเค ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
สาววัยเลขสาม
สาววัย 30-39 ปี เป็นช่วงวัยที่กำลังทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตข้างหน้า การโหมงานหนักทำให้สาวในวัยนี้หลายคนรู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าของสมองและร่างกาย จึงควรมองหาวิตามินมาช่วยเสริมความฟิตของระบบประสาท ดังนี้
วิตามินบีรวม(B-complex) เสริมความพร้อมของระบบประสาทและสมองสำหรับคนทำงานหนักด้วยวิตามินบีรวม ทั้ง บี1 บี2 บี3 บี5 บี6 บี7 บี9 และบี12 เพื่อช่วยเสริมการทำงานของระบบสมองและประสาทส่วนกลาง การทำงานของหัวใจ สร้างเม็ดเลือดแดงและระบบภูมิคุ้มกัน
สารสกัดใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba) เพิ่มประสิทธภาพของสมองได้ด้วยสารสกัดจากใบแปะก๊วย ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมองจากการถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระ อีกทั้งปกป้องเซลล์ประสาทจากการขาดออกซิเจน และยังมีส่วนทำให้ผนังหลอดเลือดแดงยืดหยุ่นและแข็งแรง
สีสิบยังสวยพริ้ง
สาววัย 40-49 เป็นช่วงวัยที่หลายคนพบกับภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื่น ไม่เปล่งปลั่ง และมีสัญญานของความหย่อนคล้อยตามกาลเวลา ฉะนั้นคุณต้องหาตัวช่วยที่มีสรรพคุณในการชะลอผิวจากการถูกทำลาย ซึ่งก็คือ “อีฟเวนนิ่ง พริมโรส ออยล์” นั่นเอง
อีฟเวนนิ่ง พริมโรส ออยล์ (Evening Primrose Oil) เป็นกรดไขมันจำเป็นซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ผิวหนัง ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิว ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื่น ลดริ้วรอย นอกจากนั้นยังช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและอาการผิดปกติของช่วงหมดประจำเดือนได้ดีอีกด้วย
สง่าแบบสาวเลขห้า
สาววัย 50-59 ปี เป็นช่วงวัยที่หลายคนประสบกับภาวะความดันโลหิตสูง และมีไขมันในเลือดสูง ฉะนั้นนอกจากต้องหันมาใส่ใจด้านสุขภาพกันอย่างเต็มที่แล้ว ตัวช่วยที่สำคัญอีกอย่างของสาววัยนี้ก็คือการรับประทาน “ฟิช ออยล์” หรือ “น้ำมันปลา”
น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นสารประกอบของกรดไขมันกลุ่มของโอเมก้า 3 ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ซึ่งมี 2 ชนิด ได้แก่ EPA ที่ช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และ DHAซึ่งช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ความจำ ตลอดจนระบบสายตา ฟิชออยล์ สามารถช่วยลดความดันโลหิต และทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นและยังบรรเทาอาการปวดข้อรูมาตอยด์และข้อเสื่อมอีกด้วย
ได้เห็นตัวอย่างของสาวต่างวัยต่างความต้องการแบบนี้แล้ว อย่าลืมเลือกวิตามินเสริมที่เหมาะกับความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงอายุนะคะ ที่สำคัญไม่ว่าวัยใดก็ตามต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จึงจะดีที่สุด