Archive For The “ความสัมพันธ์ และ ครอบครัว” Category
– อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจากปัญญาและความกล้าหาญ – จำไว้ เพื่อนใหม่คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วนเพื่อนเก่าคืออัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า – ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้คนอื่นปฏิบัติต่อเรา – พูดคำว่า “ขอบคุณ” ให้มาก ๆ – รักษาความลับให้เป็น – ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี – ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้พอเพียง – ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิและรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นจริง – หากงานยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น อย่าเพิ่งโอ้อวด – เดินเข้าไปทุกที่ด้วยความมั่นใจ – อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ทำสิ่งที่ควรทำเมื่อเวลามาถึง – อย่าหยิ่งหากจะกล่าวคำว่า “ขอโทษ” เช่นเดียวกับอย่าอายหากจะบอกใครว่า “ไม่ทราบ”
มิตรภาพไม่ใช่นมกล่องจะได้มีวันหมดอายุ แต่ก็ไม่ใช่ก้อนหินจะได้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แล้วยังคงสภาพเดิม ถ้าคุณไม่รู้จักรักษาให้ดีเพื่อนซี้ก็อาจมีวันปันใจไปมีเพื่อนใหม่ได้เหมือนกัน 1. เพื่อนกับแฟนสำคัญเท่ากัน ไม่ใช่เมื่อก่อนก็เกาะกันเป็นตังเม แต่พอมีแฟนเข้าหน่อย ชาติหนึ่งแล้วเพื่อนยังไม่ได้เห็นแม้แต่ติ่งหูคุณเลย แล้วเพื่อน ๆ ที่ไหนจะไม่น้อยใจ คุณควรจะรู้ว่าเพื่อนกับแฟนแทนกันไม่ได้ จึงต้องถนอมน้ำใจให้ดีทั้งสองคน ถึงแม้ว่าแฟนคุณจะเป็นคนอ่อนต่อโลกชนิดที่ต้องให้คุณป้อนข้าวป้อนน้ำปรนนิบัติพัดวีทั้งวัน แต่อย่างน้อยแค่สละเวลาโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนบ้างวันละ 10 นาที แฟนคุณคงไม่ถึงขนาดดิ้นพราด ๆ ขาดใจไปในพริบตาหรอก 2. ไม่เปลี่ยนเพื่อนเป็นคนอื่น คนทุกคนต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง และเจ้าตัวเขาก็ภูมิใจในสิ่งนั้น ถึงแม้ว่าในสายตาของคุณสไตล์ของเพื่อนมันจะโลโซซกมกแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรไปทำตัวเป็นแม่คนที่สอง จับเพื่อนมาอบรมบ่มมารยาท ขัดเกลารสนิยมให้เป็นอย่างใจคุณ เพราะเท่ากับคุณกำลังดูถูกเพื่อนอยู่ ถ้าใครมาทำกับคุณแบบนี้บ้างคุณก็คงไม่เอาไว้เหมือนกัน จริงไหมล่ะ 3. ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลงคือบททดสอบความแข็งแรงของมิตรภาพ เช่น วันดีคืนดีเพื่อนอาจแต่งงานมีลูกเป็นฝูง ย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด หรือบังเอิญผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อนเกิดชอบคนคนเดียวกับคุณ แล้วยังไง? แค่นี้แปลว่าความเป็นเพื่อนจบเลยหรือ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ถาคุณไม่ยอมแพ้มัน มันอยู่ที่ว่าคุณกับเพื่อนรักกันมากพอที่จะช่วยกันสู้กับปัญหาหรือเปล่าเท่านั้นล่ะ 4. รับฟังคำพูดของเพื่อน ถ้าคุณพูดจนน้ำลายแทบจะแห้งหมดปากแต่ไม่มีใครสนใจฟังเลย คุณจะรู้สึกอย่างไร เพื่อนคุณเขาก็รู้สึกอย่างเดียวกันนั่นล่ะ เคล็ดลับการเป็นผู้ฟังที่ดีคือ เวลาที่เพื่อนพูดเราต้องทำจิตให้ว่าง ลบเรื่องทุกอย่างออกจากสมองให้หมด…
สำหรับผู้ชาย ไม่มีความเมตตาในเกมรักถึงสาวที่เขาหมายตาไว้จะมีแฟนอยู่แล้ว แต่หนุ่ม ๆ เขาก็มีวิธีทะลุทะลวงพาตัวเองเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจเธอจนได้ ด้วยกลยุทธ์ขั้นเทพต่อไปนี้ 1. ไม่ยอมรับว่ากำลังจีบเธออยู่ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะผู้หญิงที่มีเจ้าของก็เหมือนรถยนต์ที่มีระบบจีพีเอสติดตามตัว ไม่ว่าใครจะฉกไปขับโชว์ประชาชนอยู่ที่ไหน เจ้าของก็สามารถตามมาล็อกคอตีเข่าได้ทุกเวลา การเปิดเผยวัตถุประสงค์จึงเป็นทางลัดที่ตัดไปถึงห้องไอซียูที่ไวที่สุดแล้ว และการทำปากแข็งไม่ยอมรับว่าจีบเธอยังจะช่วยเซฟใบหน้าของเขาไม่ให้รวดร้าวเกินไปนัก ถ้าสาวเจ้าเกิดไม่เล่นด้วย อย่างน้อยเขาจะได้แก้ตัวได้ว่าผมไม่เคยบอกเลยว่าจะจีบ เธอนั่นแหละคิดไปเอง 2. ห้ามบอกว่าชอบ ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยมีสัญชาติญาณหยั่งรู้ดินฟ้าอากาศ ว่าที่ผู้ชายคนหนึ่งเทียวไล้เทียวขื่อมาบ้านเธอทุกวันคงไม่ใช่จะมาบิณฑบาตขอส่วนบุญแน่ ๆ ผู้ชายที่ริอ่านทำตัวเป็นมือที่สามจึงต้องทำปากแข็งเข้าไว้ แม้เธอจะลับลวงพรางหลอกล่อด้วยสตรอเบอร์รี่สักกี่เข่งก็ห้ามหลุดคำว่าชอบออกไป ต้องรอจนสถานการณ์สุกงอม สาวคนนั้นตกหลุมรักเขาเข้าเต็มเปาแล้วนั่นล่ะถึงค่อยจู่โจมแบบสายฟ้าแลบให้รู้ดีรู้ชั่วกันไปข้างหนึ่ง 3. ทำตัวเป็นกลาง หลังจากแอ๊บบทเพื่อนสนิทคิดล้างผลาญไปได้ระยะหนึ่ง ฝ่ายหญิงก็จะเริ่มตายใจและเริ่มมาปรับทุกข์ด้วยหัวข้อยอดนิยมเช่นเรื่องแฟนเป็นต้น ในกรณีนี้ผู้ชายอ่อนหัดมักจะรีบใส่ไฟยุแยงตะแคงรั่วให้คนรักเขาเลิกกัน แต่ถ้าเธอยังไม่เบื่อแฟนถึงขั้นอยากจะเลิก ภาพพจน์และเรทติ้งคนพูดก็อาจดิ่งลงเหว กลายเป็นไอ้ตูบหัวเน่าที่เธอไม่อยากคบเอาดื้อ ๆ ปลาไหลตัวพ่อเลยจะใช้วิธีทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่แสนดี เกลี้ยกล่อมให้เธออภัยให้แฟนหนุ่มแทน เพราะถ้าแฟนเธอเลวจริง ๆ ต่อให้ใครยกลุ่มน้ำอะเมซอนทั้งสายมาสาธยาย เธอก็ต้องเลิกกับหมอนั่นอยู่ดีนั้นล่ะ หลังจากนั้นคนดีไม่มีเสื่อมที่เคยปลอบโยนเธอคนนี้ ก็จะได้กระดึ๊บ ๆ ๆ เข้าไปยึดพื้นที่ในหัวใจเธอแทนไง 4. เทคแคร์ดีกว่าแฟน เป็นเทคนิคที่ถือว่าเป็นไม้ตายของเหล่ามือที่สาม เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่มักแพ้ลูกตื้อและความใกล้ชิด ยิ่งมีใครดูแลเอาใจเท่าไร สาว ๆ ก็จะยิ่งเล็งเห็นความดีของคน ๆ…
เชื่อหรือไม่ว่าช่วงเวลาการทำอาหารในแต่ละวันกลายเป็นเวลาที่แสนสุขของครอบครัวได้ ชีวิตที่รีบเร่งอย่างปัจจุบันทำให้หลายคนรู้สึกห่างเหินกับคนในบ้านมากขึ้น หากยังไม่มีเวลาไปพักร้อนด้วยกันทั้งครอบครัว ลองหาโอกาสเข้าครัวด้วยกันดูสิคะ รับรองว่าได้บรรยากาศที่อบอุ่นไม่แพ้กัน 1. ว่ากันตั้งแต่ต้นทางของมื้ออาหารกันเลย วันหยุดลองชวนกันหันหลังให้ฟาสต์ฟู้ด เปลี่ยนจากการพากันไปนั่งกินอาหารนอกบ้านมากินข้าวด้วยกันที่บ้าน แล้วช่วยกันคิดเมนูว่าวันนี้จะกินอะไรดี อาจเป็นสูตรใหม่ ๆ ที่คุณแม่บ้านไม่เคยทำมาช่วยกันลองทำเป็นครั้งแรกก็ได้ 2. ชวนกันหิ้วตะกร้าออกไปจ่ายตลาด (ถ้าเป็นตลาดท้องถิ่นไกล ๆบ้สนด้วยยิ่งดี) ช่วยกันเลือกของสด (เน้นอาหารสุขภาพ) การไปจ่ายตลาดด้วยกันนี้ ถือเป็นเวลาดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะได้สอนลูก ๆ ไปในตัว ให้รู้จักเลือกซื้อของอย่างฉลาด 3. แบ่งหน้าที่กันทำอาหารคนละไม้คนละมือ ตั้งแต่ขั้นเตรียมส่วนผสมต่าง ๆ จนกระทั่งลงมือต้ม ผัด แกง ทอด ค่อย ๆ ปรุง ทำกันไปคุยเล่นกันไป 4. เมื่อได้เวลาอร่อย ต้องกินอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ค่อย ๆ ละเลียดกิน ไม่ต้องรีบร้อน 5. เสร็จจากมื้ออาหารแล้ว ใช้เวลาสักเล็กน้อยหลังมื้ออาหารที่ยังไม่ได้ไปทำกิจกรรมใด ๆ เป็นเวลาที่ครอบครัวจะได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือหย่อนใจด้วยกัน ทำอย่างนี้เป็นประจำให้ได้สักสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง จะช่วยกระชับความรักความอบอุ่นของครอบครัวให้แนบแน่นยิ่งขึ้น และสามารถป้องกันปัญหาสารพัดได้อย่างคาดไม่ถึง รักกันมากขึ้นแล้ว อย่าอร่อยจนน้ำหนักขึ้นนะคะ
เริ่มมองหาคนหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้คุณรู้สึกตลกขบขัน ช่วยเพิ่มรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับชีวิตคุณได้ บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณ ถึงคนอื่นจะไม่เห็นว่ามันตลกตรงไหน ตัวคุณเองก็ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนเขานี่คะ ลองเปลี่ยนมุมมองอีกด้าน อาจจะได้พบกับมุกที่คนอื่นคาดไม่ถึงก็ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งควรฝึกตนเองให้เป็นผู้มีมุมมองประหลาด ๆ ที่ทำให้ตัวเองสนุกเพลิดเพลิน โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เติมเรื่องสนุก ๆ ใส่ลงไปในชีวิต ใช้เวลากับเพื่อนที่ทำให้เสียงหัวเราะของคุณดังลั่น หรือมีรอยยิ้มทุกครั้งที่ได้พบได้คุยกัน หรือไปดูตลกคาเฟ่เป็นบางครั้ง ดูหนังตลก รวมทั้งอ่านเรื่องขำขัน อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความว่างเปล่า ความโดดเดี่ยว ความโศกเศร้า และความเครียด ถ้าคุณสามารถหัวเราะกับตัวเองได้ คุณจะทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้เช่นเดียวกัน อย่าลืมสิคะ เวลาคุณร้องไห้ โลกก็ร้องไห้กับคุณด้วย แต่ถ้าคุณหัวเราะ โลกก็จะหัวเราะตามคุณ
1. คิดในทางบวก(Think Positive) มองโลกในแง่ดีและทำทุกสิ่งอย่างเต็มกำลังด้วยรอยยิ้มและความเบิกบาน ทำตัวให้สดชื่น มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นอยู่เสมอ พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ จะช่วยให้คุณสามารถที่จะจัดการกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาได้อย่างอยู่มือ 2. มีศรัทธาในตัวเอง (Believe in Yourself) ถ้าแม้แต่ตัวคุณเองยังไม่ศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วจะมีมนุษย์หน้าไหนล่ะจะเชื่อในความเก่งของคุณ อยากให้ใคร ๆ เขาชื่นชอบและทึ่งในตัวคุณ คุณก็ต้องมั่นใจตัวเองก่อน 3. ขอท้าคว้าฝัน (Be a Dream Hunter) ไม่มีอะไรที่จะทรงพลังมากเท่ากับความตั้งใจจริง และทุ่มสุดตัวหรอกนะ ความกระหายอันแรงกล้าที่จะพาตัวเองไปสู่จุดหมาย นั่นแหละเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้คุณสานฝันสู่ความจริงได้ ค้นหาบุคคลต้นแบบ ใครก็ได้ที่คุณชื่นชม เพื่อเป็นมาตรฐานที่ดีในการดำเนินรอยตาม ศึกษาแนวคิด วิธีการทำงาน จุดเด่นในตัวเขา เผื่อว่าเราจะได้ไอเดียแจ๋ว ๆ มาปรับใช้ให้ชีวิตก้าวโลดสู่ความสำเร็จกับเขามั่ง 4. เริ่มต้นงานใหม่ทุกวันด้วยรอยยิ้มสดใส (Start the Day with Smile) คนที่มีรอยยิ้มระบายไว้บนใบหน้า เสมือนประตูที่เปิดกว้างให้ใคร ๆ อยากเข้ามาคบหาด้วย การเจรจาติดต่องานก็มักจะลงเอยด้วยความสำเร็จมากกว่าคนที่หน้าตาแบกโลกนะคะ นอกจากนี้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังสร้างความเบิกบานและคลายทุกข์ แถมยังเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอดที่ทำให้เราดูเป็นวัยสะรุ่นตลอดกาล รู้อย่างนี้แล้วหัดติดรอยยิ้มไว้ที่มุมปากกันเป็นประจำนะ 5. เรียนรู้จากความผิดพลาด…
เพื่อป้องกันไม่ให้คุณสาว ๆ เดินหลงทางไปเข้าร้านขายน้ำใบบัวบก หรือเดินชนแผงขายแห้วกระป๋องก่อนเวลาอันควรเราจึงจัดทำคู่มือการเดินทางไว้ให้ตั้งแต่ก้าวแรกที่จุดสตาร์ท First Date พร้อมกับแอบลุ้นสุดตัว แอบเชียร์สุดใจให้ทุกหัวใจสอบผ่านเข้ารอบการเดทครั้งต่อไป เพื่อสานสัมพันธ์ในสเต็ปต่อไป 1. รู้จักสร้างความประทับใจแรกเห็น รู้กันอยู่ว่าความประทับใจยามแรกพบนั้นสำคัญมากแค่ไหน อยากให้เขารู้ใช่มั้ยล่ะว่าเราเป็นผู้หญิงที่น่าเดทด้วยมากแค่ไหน ดังนั้นเราต้องใส่ใจตั้งแต่การเลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับต่าง ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนเตะตาเข้าเต็ม ๆ แบบทุกวันเขาก็เห็นคุณว่าสวยอยู่แล้วแต่วันนี้ลุคส์ของคุณสวยสุด ๆ สวยขึ้นแปลกตาไปกว่าเดิม 2. พิถีพิถันในลุคส์กันสักนิด Date กับเขาทั้งทีก็ควรพิถีพิถันกับการแต่งเนื้อแต่งตัวสักหน่อย ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องสวมสร้อยเพชรระย้า 5 แถว เคล็ดลับการแต่งกายในวาระนี้มีข้อเดียวโดยๆ คือ Casual เข้าไว้ ถ้าเป็นนัดดินเนอร์หลังเลิกงาน ควรระมัดระวังไม่ใช้ชุดที่ใส่ทำงานในวันนี้มอมก่อนกำหนด สำหรับคุณสาว ๆก็อาจเพิ่ม Accessories นิดหน่อย เช่น ผ้าพันคอเท่ ๆ หรือต่างหูเก๋ ๆ แต่ถ้าเป็นนัดพิเศษในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ควรเลือกสไตล์ลำลอง ๆ แต่ดูดี ไม่ใช่ให้สวยเซ็กซี่ที่นุ่งน้อยห่มน้อย แต่ให้สวยสบายตาเพราะไม่มีสีสันลวดลายแรง ๆ ของเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากมายบนตัวมาแย่งซีนต่างหากล่ะ 3. เผื่อเวลาเลท ก็เท่ากับโอกาสแรกของการสร้างความประทับใจถูกบั่นทอนลงไปด้วยตัวคุณเอง ไม่ต้องตรงเวลาเป๊ะ แต่ขอแค่รักษาเวลาไม่เร็วหรือช้ากว่าเวลานัดหมายเกิน…
วิธีรักษาความสัมพันธ์สไตล์คนทำงานเยอะ 1. ใน 1 สัปดาห์ จะต้องหาเวลา 1 วัน ไปเที่ยวสุดมันส์ด้วยกัน และยกให้วันนั้นเป็นวันของเรา 2. เมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่าผิด ก็ต้องขอโทษ 3. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทำให้อีกฝ่ายเสียใจแล้วคนที่เสียใจพูดออกมา จะต้องขอโทษออกมาจากใจจริง ขอโทษเพราะเราทำให้คนที่เรารักเสียใจ ส่วนเหตุผลว่าทำไมทำแบบนั้นค่อยอธิบายต่อมา เพราะไม่มีใครอยากจะดูงี่เง่าที่มานั่งเสียใจเรื่องโน้นเรื่องนี้