วิธีปรับสมดุลสุขภาพแบบองค์รวม

ปัจจุบันการดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ทำให้เราขาดการดูแลสุขภาพที่ดีแบบไม่รู้ตัว  กว่าจะทราบก็ต่อเมื่อตัวเองมีอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ จนกระทั่งเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ดังนั้นยังไม่สายที่เราจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพเพื่อร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่ง การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม  นับเป็นทางเลือกหนึ่งที่เรามักนิยมทำกัน เนื่องจากได้ผลดีและยั่งยืน

โดย รศ.ดร.สุรพจน์  วงศ์ใหญ่ คณบดีผู้ก่อตั้งคณะการแพทย์แผนตะวันออก  มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ ให้ความรู้ว่า สุขภาพองค์รวมเน้นความสมดุลและความสุนทรียภาพขององค์ประกอบ 3 อย่าง ได้แก่ กาย จิต(สมอง) และจิตวิญญาณ  ซึ่งองค์ประกอบจะครบหรือไม่ดูที่ 3 อย่างนี้  โดยมีองค์ประกอบอีก 5 ด้าน ได้แก่

1.  สุขภาพร่างกาย

ถ้าร่างกายจะดีต้องดูแลในเรื่องของอาหาร โภชนาการ ซึ่งของแพทย์แผนตะวันออกมีอาหารตามลักษณะของแต่ละคนหรืออาหารตามธาตุกำเนิด คือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ แต่ของแพทย์ทางตะวันตกจะไม่เหมือนกัน  ซึ่งแบบตะวันตกจะเป็นอาหาร 5 หมู่ ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ ถ้ากายแข็งแรงสมบูรณ์จะเป็นตัววัด คือไม่เจ็บป่วย

2.  สุขภาพจิต

ซึ่งจิตคือสมอง วิธีวัดประเมินว่าจิตดี คือความจำดี มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี  ซึ่งต้องมีเรื่องอาหารและโภชนาการในการบำรุงสมองเข้ามาช่วยด้วย

3.  สุขภาพทางด้านจิตวิญญาณ

คือการที่แต่ละบุคคลมีหลักยึดประจำใจในการดำรงชีวิต ทำให้มีความมั่นใจในการดำรงชีวิต ซึ่งอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน  บางคนก็มีหลักยึดทางศาสนาหรือบางคนก็ไม่มี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือหลักยึดต้องไม่ไปละเมิดหรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย

ทั้ง 3 องค์ประกอบนี้อยู่ที่ตัวบุคคล ถ้าสุขภาพร่างกายดีจะแข็งแรงสมบูรณ์ จิต(สมอง) ก็เฉลียวฉลาดคิดอะไรสร้างสรรค์ ดีและจิตวิญญาณก็มีความมั่นใจในการดำรงชีวิต ถ้า 3 อย่างนี้ดีแล้ว ต่อไปก็จะมีองค์ประกอบอันที่ 4. เพิ่มขึ้นมาคือ

4.  สุขภาพทางด้านอารมณ์ ถ้ากาย จิต และจิตวิญญาณดีอารมณ์ก็จะดีตามไปด้วย  ซึ่งสุขภาพอารมณ์ดีวัดตรงที่รู้จักยั้งคิดก่อนที่จะแสดงกิริยาออกไป  ซึ่งบางคนไม่รู้จักยั้งคิดโพล่งออกไปแสดงว่าสุขภาพอารมณ์ไม่ดี และองค์ประกอบสุดท้ายองค์ประกอบที่ 5.

5.  สุขภาพทางด้านสังคม

หมายถึงเป็นที่รักชอบพอกับบุคคลทั่วไป  มีมนุษยสัมพันธ์ดี วิธีการประเมินคือสามารถที่เข้ากับบุคคลอื่นได้ดีมีแต่ผู้คนอยากเข้ามาคุยด้วย แปลว่า สุขภาพสังคมดี แต่ถ้าแย่คือไปที่ไหนก็วงแตก ไม่มีใครอยากคุยด้วย ซึ่งทั้งหมดมาจากกาย จิต จิตวิญญาณเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามมีกิจกรรมต่าง ๆ ในการส่งเสริมสุขภาพองค์รวมแบ่งเป็น 5 ด้าน ตาม 5 องค์ประกอบ ได้แก่ กาย คือ ต้องตรวจสอบดูว่าร่างกายเราอ่อนเพลียหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าเป็นอาการสารพิษคลั่ง หรือความจำเริ่มหลง ๆ ลืม ๆ นอนหลับตื่นมาแล้วรู้สึกมึน ๆ ไม่ปลอดโปร่ง ต้องดื่มกาแฟทุกเช้าไม่เช่นนั้นทำงานไม่ได้  ซึ่งปกติถ้าคนสุขภาพดีจะหลับสนิทตื่นเช้ามาสมองจะสดชื่นปลอดโปร่ง แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นต้องหายาโด๊ปมาช่วย จึงต้องกินกาแฟหรือชามากระตุ้นสมอง  เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะบริหารร่างกายเราอย่างไร โดยมาดูที่เรื่องของอาหารโภชนาการ การออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายช่วยดีท๊อกซ์สารพิษออกทางเหงื่อได้และยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงสมบูรณ์

แต่หลักที่ง่ายที่สุดอยู่ที่ว่าเราสามารถควบคุมน้ำหนักตัวเองได้อย่างไร เพราะว่าปัจจุบันมีเด็กไทย 14 เปอร์เซ็นต์เป็นโรคอ้วน เมื่ออ้วนแล้วปัญหาที่ตามมาก็คือความเสี่ยงของโรคเรื้อรังจะสูงขึ้นทันที เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดัน หัวใจ หลอดเลือด เกาต์ ฯลฯ โดยต้นเหตุคือน้ำหนักเกินและอ้วน  เราต้องพัฒนาในเรื่องของแคลอรี่ ปริมาณอาหารที่รับประทาน เช่น อาหารต่อวันต้องคำนวณออกมาเป็นกิโลแคลอรี่คือปกติคนเราต้องรับประทานวันละ 1,500 กิโลแคลอรี่ต่อวัน  จึงต้องแปลงอาหารที่รับประทานออกมาเป็นสัดส่วนเพื่อไม่ให้เกิน 1,500-2,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน แน่นอนว่าอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตเป็นตัวให้พลังงานหลัก เราจึงใช้หลัก 40: 30: 30 โดย 40 คือพลังงานที่มาจาก คาร์โบไฮเดรต(แป้ง) ส่วน 30 มาจากโปรตีน (เนื้อสัตว์) และอีก 30 มาจากไขมัน  ดังนั้นการที่บอกว่าให้ระวังอย่ารับประทานไขมันก็กลายเป็นปัญหาที่ทำให้ป่วยเป็นโรคขาดไขมันได้เช่นกัน คือจะมีอาการผิวหนังเป็นขุย ระบบฮอร์โมนจะผิดปกติโดยเฉพาะผู้หญิง ฉะนั้นไม่ควรกลัวไขมันจนไม่รับประทานเลยแต่เราต้องเลือกรับประทานให้สมดุล

นอกจากนี้การที่สิ่งแวดล้อมเป็นพิษก็เป็นผลกับกายได้เช่นกัน คือ การทำงานในห้องที่ปิดมิดชิดทุกวัน โดยเฉพาะห้องแอร์อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ อันเนื่องมาจากอากาศที่หมุนเวียนเข้าออกในห้อง หรือบางครั้งแผ่นกรองอากาศแอร์เสีย ทำให้มีฝุ่นเข้ามาในห้องและสูดดมเข้าไป  ดังนั้นถ้าเป็นไปได้หลังเลิกงานควรรีบไปออกกำลังกายเพื่อปรับสมดุลของระบบทางเดินหายใจและบางครั้งควรออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ตามต่างจังหวัดบ้างก็ดี

เมื่อกายดีแล้วก็มาส่งเสริมสุขภาพของจิต (สมอง) ด้วยกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ การหากิจกรรมที่ทำให้สมองคิดสร้างสรรค์ เช่น กิจกรรมคิดเลขเป็นการฝึกสมอง  ซึ่งทางแพทย์แผนตะวันออกมีกิจกรรมนวดเสริมความจำ ถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพของสมองด้วย ส่วนการพัฒนาจิตวิญญาณก็มีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ เช่น การทำสมาธิ ชี่กง โยคะ หรือว่าหลักศาสนาต่างๆ ก็สามารถช่วยส่งเสริมความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตได้ ทั้งหมด ถ้าเราสามารถปรับความสมดุลได้ก็จะทำให้ร่างกาย จิต และจิตวิญญาณแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ

ดังนั้นการดูแลสุขภาพตัวเองจะสามารถทำได้ดีถ้าเราเข้าใจองค์ประกอบทั้ง 5 ด้านของสุขภาพองค์รวม ด้วยการหันมาใส่ใจอ่านศึกษาและนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติด้วยตัวเอง แล้วเชื่อว่ายังไม่สายเกินไปที่ทุกคนจะมีสุขภาพที่ดี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

6 + ten =